ลดความอ้วน…แค่ไหนต้องขอใช้ “ผู้ช่วย” - โรงพยาบาลกรุงเทพเชียงใหม่

เชื่อว่าสำหรับหลายๆ คน การลดน้ำหนัก หรือ ลดความอ้วน ถือเป็นวาระแห่งชาติกันเลยทีเดียว แต่ทุกครั้งที่ตัดสินจะลดน้ำหนัก แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะมีวิธีการและความเป็นไปได้หลากหลายให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารคีโต การนับแคลอรี่ การทำ IF (Intermittent Fasting) และการออกกำลังกายซึ่งล้วนแล้วแต่ต้องเลือกให้เข้ากับอุปนิสัย ข้อจำกัดของร่างกาย และที่สำคัญที่สุดคือความมีวินัยในการลงมือทำจริง!

 

ทำเองได้--ง่ายจัง

  1. เรื่องกินเรื่องใหญ่ การคุมอาหาร ลดแป้ง เพิ่มไฟเบอร์ เติมวิตามินให้แก่ร่างกายจึงยังคงจำเป็นในทุกการลดน้ำหนัก
  2. น้ำเปล่าก็ขาดไม่ได้ ควรดื่มอย่างน้อย 8-10 แก้วต่อวัน ช่วยรักษาสมดุลของอุณหภูมิร่างกาย และขับสารพิษได้เป็นอย่างดี
  3. เน้นปรุงอาหารเองแบบ ต้ม นึ่ง ย่าง มากกว่าผัดและทอด
  4. งดเว้นการดื่มเครื่องดื่มที่น้ำตาลหรือแอลกอฮอล์สูง
  5. นอนหลับให้เพียงพอ เวลาที่ดีในการนอนคือ 22.00-06.00 น. นอนหลับให้สนิทเพื่อระบบเผาผลาญที่ดีของร่างกาย
  6. ออกกำลังกายวันละ 30 นาที ไม่ควรหักโหมและควรปรับวิธีการออกกำลังกายให้เหมาะกับสภาพร่างกายตนเอง หรือแม้แต่การขยับร่างกายบ่อย ๆ ระหว่างวัน เช่น การแกว่งแขน ทำท่ากายบริหารง่าย ๆ หรือใช้บันไดแทนการขึ้นลงลิฟต์

 

ลดความอ้วนแค่ไหนเอาอยู่ โรงพยาบาลกรุงเทพเชียงใหม่

 

เมื่อลองทำตามขั้นตอนทั้งหมดนี้ และลองสังเกตสัดส่วนและน้ำหนักของตนเอง โดยเปรียบเทียบก่อน-หลังการลดน้ำหนัก หากน้ำหนักลงได้ตามเป้าที่วางไว้ หรือเรียกได้ว่า “ลดน้ำหนักแค่นี้ เราเอาอยู่” เราถือว่าคุณคือผู้โชคดี แต่หากบางคนได้ทำตามขั้นตอนดังที่กล่าวไปแล้ว และยังไม่เห็นผล เราก็ยังมีวิธีมาแนะนำเช่นกัน!

 

 

เมื่ออายุมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อย่างเข้า 40 ปี เราพบว่าคนเรามีการทำงานของเมตาบอลิสมน้อยลง ส่งผลให้เราพบความยุ่งยากมากขึ้นในการรักษารูปร่างและสัดส่วนของกล้ามเนื้อในร่างกายให้ยังคงสวยงามและสุขภาพดี และสำหรับบางคนวิธีเดิมๆ ก็เหมือนจะ “เอาไม่อยู่” จนทำให้ต้องเริ่มมองหา “ผู้ช่วย” และ “ตัวช่วย” เพิ่มมากขึ้น

 

ปลอดภัยด้วยทีมสหสาขาวิชาชีพ

ตัวช่วยระดับพระเอกที่เจาะเข้าสู่ใจกลางของปัญหาโรคอ้วน ก็คือ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญและทีมสหสาขาวิชาชีพ จากทั้งแผนกอายุรกรรมแผนกเวชศาสตร์ฟื้นฟู ศูนย์สุขภาพด้านดูแลป้องกันและฟื้นฟู แผนกศัลยกรรม ซึ่งพระเอกเหล่านี้จะร่วมกันหาสาเหตุเพื่อเข้าสู่ขั้นตอนแก้ไขที่เหมาะกับแต่ละบุคคลเพื่อการรักษาโรคอ้วนอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะ “การผ่าตัดลดขนาดกระเพาะ” ที่เหมาะกับผู้มีอายุ 15 ปีขึ้นไปที่มีดัชนีมวลกาย หรือ BMI ตั้งแต่ 37 ขึ้นไป (ผู้มีโรคเบาหวานและไขมันสูง ที่มี BMI เกินกว่า 32.5)

การผ่าตัดลดขนาดกระเพาะเป็นหัตถการที่อาศัยความชำนาญการของศัลยแพทย์ในการนำกระเพาะบางส่วนหรือทั้งหมดออก ซึ่งโดยปกติแล้วกระเพาะอาหารของคนเรา มีขนาดความจุ 2,000 มิลลิลิตร แต่หัตถการดังกล่าวนี้จะลดความจุให้เหลือน้อยลงอย่างปลอดภัยเพื่อจำกัดปริมาณอาหารและเครื่องดื่มที่กระเพาะอาหารสามารถบรรจุได้ ซึ่งเป็นวิธีรักษาโรคอ้วนที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศตะวันตก จนถึงลดเสี่ยงโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ได้อีกด้วย

 

ความใส่ใจที่ไม่ได้จบแค่การผ่าตัด

ผู้เข้ารับบริการจะได้รับการดูแลหลังการผ่าตัดและระยะพักฟื้น จากแพทย์ระบบไร้ท่อและเมตะบอลิสม นักกำหนดอาหาร รวมถึงพยาบาลเฉพาะทาง โดยหลังจากการผ่าตัดแล้ว จะมีการนัดพบแพทย์เพื่อติดตามค่าวิตามินดี Vitamin D deficiencyและติดตามผลอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 3 เดือน เพื่อเฝ้าระวังให้มั่นใจว่าผู้เข้ารับบริการจะไม่มีภาวะพร่อง หรือ ขาดวิตามินดี และคืนความสมดุลในช่วง Golden Period โดยหลังการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะ ผู้ป่วยจะมีน้ำหนักจะลดลงอย่างต่อเนื่อง และมีรูปแบบการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป

ผ่าตัดลดขนาดกระเพาะอาหาร โรงพยาบาลกรุงเทพเชียงใหม่

 

ด้วยความปรารถนาดี

แผนกศัลยกรรม | โรงพยาบาลกรุงเทพเชียงใหม่ 

โทร. 052 089 888 หรือ 1719

ข้อมูล : โรงพยาบาลกรุงเทพ