เชื่อว่าหลายคนคงรู้จักกับโรคปวดหัวไมเกรน และบางคนอาจกำลังเผชิญกับโรคนี้อยู่ก็เป็นได้ ไมเกรนเป็นโรคปวดหัวชนิดหนึ่งที่มีอาการปวดเป็นพัก เป็นๆ หายๆ มักมีอาการปวดรุนแรงปานกลางถึงรุนแรงมาก ซึ่งระยะเวลาในการปวดแต่ละครั้งอยู่ที่ 4-72 ชั่วโมง และประมาณ 1 ใน 5 จะมีอาการนำก่อนปวด (Aura) คือ มองเห็นแสงวาบคล้ายแสงแฟลช ตาจะมีมองไม่เห็นชั่วครู่ หรือมีอาการชาที่ด้านใดด้านหนึ่งของร่างกาย อาการดังกล่าวจะเป็นอยู่ประมาณ 5-30 นาทีก่อนที่จะเริ่มปวดหัวไมเกรน และเมื่อมีอาการปวดหัวไมเกรนจะทำให้ปวดหัวอย่างรุนแรง มักเป็นข้างใดข้างหนึ่ง บางครั้งอาจมีอาการปวดแบบตุบๆ เป็นจังหวะร่วมกับอาการคลื่นไส้ อาเจียน ทั้งไวต่อสิ่งกระตุ้นจากภายนอกเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะแสงจ้า เสียงดัง หรือ กลิ่นฉุน และบางครั้งอาจรุนแรงมากจนถึงขั้นต้องหยุดงานนอนพักกันเลยทีเดียว
โรคปวดหัวไมเกรนเกิดจากอะไรบ้าง
- ความเครียด
- พักผ่อนไม่เพียงพอ
- สิ่งแวดล้อมรอบตัว เช่น แสงกระพริบ กลิ่นที่รุนแรง เป็นต้น
- การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของสิ่งแวดล้อม
- การทานอาหารบางชนิด เช่น ชีส โยเกิร์ต เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน หรือ แอลกอฮอล์
- ระดับฮอร์โมนเพศหญิง โดยเฉพาะช่วงเป็นประจำเดือน
ชวนเช็กอาการของโรคปวดหัวไมเกรน
- มีอาการปวดหัวมาแล้วอย่างน้อย 5 ครั้ง โดยมีลักษณะในข้อ 3 และ 5 ร่วมด้วย
- มีประวัติเป็นโรคปวดหัวไมเกรน
- มีอาการเวียนหัวบ้านหมุนระดับปานกลางถึงระดับรุนแรง นานตั้งแต่ 5 นาที จนถึง 3 วัน
- อาการไม่เข้ากับโรคปวดหัวหรือโรคเวียนหัวประเภทแบบอื่น
- ครึ่งหนึ่งของอาการเวียนหัวที่เกิดขึ้น จะต้องมีอย่างน้อย 1 ใน 3 ของอาการดังต่อไปนี้ร่วมด้วย
- มีลักษณะปวดหัวตั้งแต่ 2 อาการขึ้นไป ดังนี้
- ปวดข้างเดียว
- ปวดตุบๆ
- ปวดรุนแรงปานกลาง จนถึงปวดมาก
- อาการปวดเพิ่มขึ้นเมื่อขยับร่างกาย
- รู้สึกไวต่อแสงและเสียง
- อาการผิดปกติทางการมองเห็น เช่น เห็นภาพซิกแซก แสงกระพริบ แสงเป็นจุดๆ
- มีลักษณะปวดหัวตั้งแต่ 2 อาการขึ้นไป ดังนี้
รู้จัก 4 ระยะของการเกิดโรคปวดหัวไมเกรน
- ระยะเตือนล่วงหน้า (Premonitory)
ระยะนี้จะเป็นสัญญาณเตือนกับผู้ป่วยว่ากำลังจะเริ่มเป็นไมเกรนแล้ว โดยระยะนี้อาจเกิดนำมาก่อนอาการปวดหัวหลายชั่วโมงหรือหลายวัน เช่น
-
- เรี่ยวแรงในการทำงานเปลี่ยนไปจากเดิม ทั้งในแบบเพิ่มขึ้นหรือลดลง
- ความรู้สึกอยากอาหารเปลี่ยน และอาจจะอยากอาหารบางประเภทเป็นพิเศษ
- อารมณ์หรือพฤติกรรมเปลี่ยน
- ระดับสมาธิลดลง
- รู้สึกเหนื่อยล้า บางคนหาวบ่อยจนผิดปกติ
- ปัสสาวะบ่อยครั้ง
- ท้องผูก
- รู้สึกตึงที่คอ
- รู้สึกไวต่อแสงและเสียงมากกว่าปกติ
- คลื่นไส้ ตามัว
- ระยะอาการนำ Aura หรือสัญญาณออร่า
เป็นอาการที่มักเกิดก่อนปวดหัวไมเกรน โดยพบระยะนี้เพียง 1 ใน 3 ของผู้ป่วยทั้งหมด สัญญาณออร่าจะกินเวลาที่ 5 นาที ถึง 1 ชั่วโมง มีอาการเกิดหลายรูปแบบ ตั้งแต่อาการผิดปกติทางการมองเห็น ความรู้สึก การพูด และอาจพบว่ามีอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อร่วมด้วย
- ระยะปวดศีรษะ (Attack)
เป็นระยะที่สร้างความปวดและทรมานกับผู้ป่วยเป็นอย่างมาก ระดับความปวดเริ่มจากปานกลางจนถึงรุนแรงมาก โดยกินเวลาที่ 4 ถึง 72 ชั่วโมง และมีอาการปวดตั้งแต่
-
- ปวดตุบๆ ที่ขมับข้างใดข้างหนึ่งแล้วต่อมากลายเป็นปวดทั้งสองข้าง หรือย้ายข้างปวด
- คลื่นไส้ อาเจียน บางครั้งอาการปวดอาจดีขึ้นหลังอาเจียน
- มีความรู้สึกไวต่อแสง ไวต่อเสียง ไวต่อกลิ่นมากกว่าปกติ
- เวียนหัวคล้ายจะเป็นลม ตามัว
- ปวดบริเวณใบหน้า มักเริ่มปวดเหนือเบ้าตา และสามารถปวดลงมาถึงบริเวณใบหน้า แก้วตาและคอ
- ระยะหายจากการปวด (Postdrome)
เป็นระยะที่ผู้ป่วยหายปวดหัวแล้ว แต่ยังคงรู้สึกอ่อนเพลียไม่มีแรง เป็นระยะที่อาการค่อนข้างหลากหลายและมีความเฉพาะตัว ขึ้นอยู่กับแต่ละคน อาการต่างๆ อาจจะสัมพันธ์กับไมเกรนหรือยารักษาไมเกรน ส่วนใหญ่จะประกอบด้วยอาการ “เพลีย หงุดหงิดง่าย ซึมเศร้า สมาธิลดลง” และอาจใช้เวลาหลายวันกว่าจะดีขึ้น
หลายคนเมื่ออ่านมาถึงตรงนี้คงจะเห็นได้ชัดแล้วว่าโรคปวดหัวไมเกรนไม่เพียงแต่ทำให้เกิดอาการปวดหัว แต่ยังส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตหรือสภาพจิตใจ บางคนอาจไม่สามารถเข้าสังคมได้เช่นเดิม ทั้งส่งผลกระทบต่อการงาน-การเรียน กังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษา และทั้งหมดนี้อาจก่อให้เกิดภาวะวิตกกังวล ซึมเศร้าได้ ดังนั้นหากเริ่มรู้ตัวและเข้ารับการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้ คลิกที่นี่เพื่อนัดหมายปรึกษาแพทย์
ด้วยความปรารถนาดีจาก
อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสมองและระบบประสาท
ศูนย์แห่งความเป็นเลิศด้านโรคสมองและระบบประสาท | โรงพยาบาลกรุงเทพเชียงใหม่
โทร 052 089 888 หรือ Call Center: 1719